ชาวแก๊งเกมสล็อตที่มีลูกต้องรู้เรื่อง RSV


หลังจากการแพร่ระบาดของโควิด -19 เริ่มเบาบางลง แอดมินก็เริ่มได้ยินเรื่องโรคติดต่อจากเชื้อไวรัสที่เริ่มระบาดในเด็ก อย่างโรค RSV หากเพื่อนๆ ชาวแก๊งเกมสล็อตที่มีลูก หรือในบ้านมีเด็กเล็ก ก็ควรศึกษาทำความเข้าใจโรคนี้ไว้บ้าง เพราะโรคนี้สามารถติดได้ทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ แต่อาการของโรคนี้จะเป็นอย่างไร และควรรู้เรื่องเกี่ยวกับ RSV แค่ไหน ตามแอดมิน@winsureมาดูได้เลย

1. ไวรัส RSV คืออะไร

          ไวรัส RSV ย่อมาจาก Respiratory Syncytial Virus มีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ RSV สายพันธุ์ A และ RSV สายพันธุ์ B เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง โดยไวรัสนี้ถือกำเนิดมาหลายสิบปีแล้ว แต่เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเพราะเป็นต้นเหตุที่ทำให้เด็กเล็กป่วยโรคติดเชื้อไวรัส RSV มีการระบาดมาก และมักจะก่อให้เกิดอาการรุนแรงในเด็ก

2. RSV ใครเสี่ยงบ้าง ผู้ใหญ่เป็นได้ไหม

          โรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) พบได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่ในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ หรือคนที่มีภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรง เช่น ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัว จะป่วยได้ง่าย และมีอาการรุนแรงกว่าวัยผู้ใหญ่ที่มีภูมิคุ้มกันสูง ซึ่งหากผู้ใหญ่ติดเชื้อก็จะมีอาการเพียงเล็กน้อย เช่น เจ็บคอ มีน้ำมูก ไอ แต่ภายใน 3-5 วันก็จะหายเองได้ เพียงแค่ระหว่างที่ป่วยควรระวังการแพร่เชื้อให้กับเด็กหรือคนที่มีร่างกายอ่อนแอกว่าด้วย

3. โรค RSV ติดต่อทางไหนได้บ้าง

          เชื้อไวรัส RSV เป็นเชื้อไวรัสที่อยู่ในระบบทางเดินหายใจ จึงติดต่อได้ง่ายผ่านการหายใจเอาละอองเสมหะที่มีเชื้อ RSV เข้าไป เช่น ละอองจากการไอ จาม น้ำมูก น้ำลาย หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วยบนพื้นผิวโต๊ะ เก้าอี้ ลูกบิด ของเล่น โทรศัพท์ หรือพื้นผิวสัมผัสได้บ่อยอื่น ๆ ทั้งนี้ เชื้อไวรัส RSV สามารถอยู่บนพื้นผิวได้หลายชั่วโมง อยู่บนมือเราได้นานประมาณ 30 นาที และหากป่วยแล้วจะสามารถแพร่เชื้อให้ผู้อื่นได้นาน 3-8 วัน หลังมีอาการป่วย แต่ในเด็กเล็กหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องอาจแพร่เชื้อได้นานถึง 3-4 สัปดาห์

4. RSV อาการเป็นอย่างไร

          อาการจะเริ่มแสดงหลังร่างกายได้รับเชื้อไปแล้ว 4-6 วัน โดยเริ่มแรกจะมีอาการเหมือนไข้หวัดธรรมดา แต่จะมีอาการหลอดลมฝอยอักเสบ โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ตามด้วยอาการไข้ ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ เสมหะมากและมีลักษณะเหนียวข้น แต่หากอาการรุนแรงจะหายใจหอบเหนื่อย อกบุ๋ม ได้ยินเสียงปอดผิดปกติ หายใจมีเสียงหวีด รับประทานอาหารได้น้อย ซึมลง และอาจมีอาการปอดอักเสบร่วมด้วย

5. RSV ต่างจากไข้หวัดธรรมดาอย่างไร

          อย่างที่บอกว่า อาการ RSV ในระยะแรกอาจคล้ายไข้หวัดธรรมดา แต่สิ่งที่ต่างออกไปและทำให้แยกโรคได้ว่าป่วยเป็นหวัดหรือ RSV ก็คือ หากป่วย RSV เสมหะจะเยอะ ร่วมกับมีอาการหายใจเหนื่อยหอบ หายใจมีเสียงหวีด ซึ่งเป็นอาการบ่งชี้ว่ามีภาวะหลอดลมตีบหรือหลอดลมฝอยอักเสบ อันเป็นลักษณะจำเพาะของโรค RSV  เนื่องจากเชื้อไวรัสจะลุกลามไปที่ปอด

6. ป่วย RSV ต้องนอนโรงพยาบาลทุกคนไหม

          ในเคสที่ติดเชื้อ RSV และมีอาการค่อนข้างรุนแรง เช่น มีไข้สูง เบื่ออาหาร ไม่ยอมกินข้าว ซึม เด็กไม่เล่นเหมือนเก่า หายใจเร็วกว่าปกติ หายใจมีเสียงหวีด หงุดหงิดง่าย ควรพาไปพบแพทย์ ซึ่งแพทย์ก็อาจให้นอนโรงพยาบาลเพื่อสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดได้

7. ป่วย RSV หายเองได้ไหม

          ในกรณีที่ติดเชื้อ RSV และมีอาการไม่รุนแรง คล้ายโรคหวัด เช่น มีไข้เล็กน้อย ไอ จาม ไม่มีอาการหายใจเหนื่อยหอบ หรือหายใจมีเสียงหวีด ไม่ซึมมาก กินอาหารได้ตามปกติ ก็สามารถรักษาตามอาการที่บ้านได้ ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล และอาการจะหายได้ภายใน 5-7 วัน แต่ถ้าอาการไม่ดีขึ้น ก็ควรพาไปพบแพทย์โดยด่วน

8. RSV มียารักษาโรคหรือยัง

          ณ ปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากเชื้อไวรัสอาร์เอสวี (RSV) โดยตรง ยังคงต้องรักษาไปตามอาการของผู้ป่วยแต่ละราย

9. โรค RSV อันตรายแค่ไหน ป่วยแล้วถึงตายหรือเปล่า

          แม้อาการแรกเริ่มของโรค RSV จะไม่น่ากลัวเท่าไร แต่หากรักษาไม่ทันเพราะชะล่าใจคิดว่าเป็นแค่ไข้หวัดธรรมดา อาจมีอาการรุนแรงไปถึงปอดอักเสบ หรือปอดบวมได้ ซึ่งหากภาวะนี้เกิดขึ้นกับเด็กเล็ก หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมไปถึงผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด เด็กที่คลอดก่อนกำหนด ก็อาจเกิดภาวะแทรกซ้อน ทำให้ระบบหายใจล้มเหลวจนเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้เลย

10. หากลูกป่วย RSV ต้องรักษา และปฏิบัติตัวอย่างไร

          หากพบว่าลูกติดเชื้อ RSV ให้ดูแลรักษาไปตามอาการ เช่น เช็ดตัวลดไข้ ไม่ให้ถูกอากาศเย็น ดื่มน้ำบ่อย ๆ รับประทานยาแก้แพ้ ยาละลายเสมหะ หรือพยายามให้ลูกไอเพื่อขับเสมหะออกมา

          นอกจากนี้ควรให้ลูกอยู่แต่บ้าน งดพาไปโรงเรียนหรือที่สาธารณะประมาณ 5-7 วัน หรือจนกว่าจะหายเป็นปกติดี เพื่อลดการแพร่ระบาดของเชื้อ RSV ด้วย

11. RSV เป็นซ้ำได้ไหม

          เนื่องจากไวรัส RSV มีอยู่ด้วยกัน 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ A และสายพันธุ์ B นอกจากนี้ยังอาจพบสายพันธุ์ย่อยอื่น ๆ ได้อีก ดังนั้นจึงมีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้ แม้จะเคยป่วยและหายแล้วก็ตาม

12. RSV มีวัคซีนป้องกันไหม

          ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัส RSV โดยตรง ดังนั้นการป้องกันที่ดีที่สุดคือการรักษาสุขอนามัยและสุขภาพของตัวเอง

RSV ป้องกันอย่างไรดี

          เราสามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัส RSV ได้ไม่ยาก ถ้าทุกคนปฏิบัติตามนี้

               – หมั่นล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหาร ก่อนจับหน้า จับปาก หรือขยี้ตา

               – หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด

               – ทำความสะอาดบ้าน รวมทั้งของเล่นเด็กเป็นประจำ

               – หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ โดยเฉพาะในบ้านที่มีเด็กเล็ก เพราะจะยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่เด็กจะติดเชื้อ RSV และมีอาการรุนแรงได้ง่าย หากได้รับควันบุหรี่เข้าไป

               – รับประทานอาหารที่ถูกสุขลักษณะ

               – ถือคติ กินร้อน ช้อนใครช้อนมัน หมั่นล้างมือ ไม่ใช้แก้วร่วมกับผู้อื่น

               – ดื่มน้ำมาก ๆ

               – พักผ่อนให้เพียงพอ

               – หลีกเลี่ยงการอยู่ห้องแอร์ตลอดเวลา

               – หากพบว่าลูกไม่สบาย มีอาการคล้ายเป็นหวัด ควรให้ลูกอยู่กับบ้าน งดพาไปโรงเรียนหรือไปเจอเด็กคนอื่น

               – ผู้ใหญ่ที่มีอาการป่วย แม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่ควรเข้าใกล้เด็กเล็ก เพราะอาจพาเชื้อ RSV ไปสู่เด็กได้

โรคติดเชื้อไวรัส RSV มักจะระบาดหนักในช่วงปลายฝนต้นหนาวของทุกปี และแม้จะยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่เราก็ควรป้องกันด้วยตนเอง และดูแลลูก หลานให้ดี หากเพื่อนๆ ชาวแก๊งเกมสล็อตที่ศึกษาเรื่องโรคนี้เรียบร้อยแล้ว เพื่อนๆ สามารถเข้ามาเล่นเกมสล็อตเพื่อผ่อนคลายได้โดยการทักมาเล่นที่ไลน์แอด@winsure นะคะ